สรุปกิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
“โครงการอบรมการเขียนบทความวิจัยและบทความวิชาการ”
โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร. อานันท์ กาญจนพันธุ์
วันศุกร์ที่ 26 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 09.00-12.00 น.
ณ ห้องดอกจาน 4 คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
ถอดบทเรียนโดย ผศ.ดร. ชาญชัย คงเพียรธรรม
ประเด็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การเขียนบทความวิจัยและบทความวิชาการ
- องค์ประกอบของบทความมีอะไรบ้าง
- บทความวิจัยต่างจากบทความวิชาการอย่างไร
- วิธีเขียนบทความวิจัย/ บทความวิชาการที่ดี เพื่อที่จะทำให้ได้ลงตีพิมพ์ในวารสารวิชาการทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
สภาพปัญหาของการเขียนบทความวิจัยและบทความวิชาการ
- อาจารย์หลายท่านไม่เคยมีผลงานทางวิชาการ (บทความวิจัย/บทความวิชาการ) ตีพิมพ์เผยแพร่มาก่อน จึงไม่ทราบว่าจะเริ่มต้นอย่างไร (เขียนเรื่องอะไร เขียนอย่างไร และจะส่งไปลงตีพิมพ์ที่ไหน)
- อาจารย์หลายท่านเคยลงตีพิมพ์ผลงานทางวิชาการ (บทความวิจัย / บทความวิชาการ) มาบ้างแล้ว แต่ยังไม่พอใจกับผลงานของตนเท่าที่ควรนัก จึงต้องการที่จะพัฒนาศักยภาพทางด้านวิชาการของตนให้เพิ่มมากขึ้น ด้วยการศึกษาแบบอย่างจากนักวิชาการที่มีชื่อเสียงระดับแถวหน้าของประเทศไทยว่า ท่านเหล่านั้นมีวิธีการอย่างไรในการผลิตผลงานวิชาการ (บทความวิจัย/บทความวิชาการ) ที่มีคุณภาพจนเป็นที่ยอมรับในวงกว้างทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
แนวปฏิบัติที่ดีของคณะศิลปศาสตร์ ในการเขียนบทความวิจัยและบทความวิชาการ
- บทความวิจัยและบทความวิชาการที่ดีนั้นจะต้องประกอบไปด้วยองค์ประกอบสำคัญ 5 ประการ คือ 1) วิธีคิดในการตั้งประเด็นปัญหาและกำหนดโจทย์วิจัยต้องชัดเจน (Problematization) ซึ่งส่วนนี้จะอยู่ในบทนำ 2) การนิยามบริบทในมิติต่างๆ ของปัญหาวิจัยต้องชัดเจน (Contextualization) ซึ่งบริบทที่ว่านี้ ได้แก่ เวลา สถานที่ รวมทั้งแนวคิดที่ปรากฏในยุคนั้น 3) การจำลองและนิยามความเชื่อมโยงความคิด (Conceptualization) ต้องกล่าวถึงแนวคิด ทฤษฎีที่ใช้เป็นแกนของบทความ รวมถึงวิพากย์แนวคิด หรือทฤษฎีต่างๆ 4) การจำแนกแยกแยะหน่วยของการศึกษาวิเคราะห์ (Differentiation) และ 5) การปฏิบัติการปรับความคิดทางทฤษฎีและระดับนามธรรมของการวิเคราะห์ (Operationalization) บทความชิ้นนั้นๆ จึงสมบูรณ์
- บทความที่ดีจะต้องมีการวิเคราะห์ ตีความ เปรียบเทียบ มีแนวคิด และมีการเชื่อมโยง
- บทความวิชาการ แท้จริงแล้ว คืองานวิจัยชิ้นย่อยๆ นั่นเอง เพราะมีการค้นคว้าหาข้อมูล การวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล ไม่ต่างจากการทำวิจัย
- นักวิชาการที่ดีจะต้องหมั่นเป็นคนช่างสังเกตและรู้จักตั้งคำถาม เพราะการตั้งคำถามเป็นหัวใจของการทำงานวิชาการ ไม่ว่าจะเป็นการทำวิจัย หรือการเขียนบทความ
- ผู้เขียนบทความจะต้องพึงระลึกอยู่เสมอว่าแนวคิด ทฤษฎีต่างๆ ที่นำมาใช้ช่วยให้ทำงานวิชาการได้ง่ายขึ้น แต่แนวคิด ทฤษฎีไม่ใช่คำตอบของงานทางวิชาการ (ทฤษฎีเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย และเหตุปัจจัยต่างๆ อยู่เสมอ)
- ผู้เขียนบทความจะต้องเข้าใจความแตกต่างของพื้นที่ หรือบุคคลที่ต้องกล่าวถึง ไม่ควรใช้วิธีการเหมารวม เช่น ถ้าจะกล่าวถึงชาวนาในพื้นที่ภาคอีสาน ควรระบุพื้นที่ให้ชัดเจน เพราะชาวนาในภาคอีสานนั้นมีอยู่หลายกลุ่ม มีทั้งที่ประสบความสำเร็จในอาชีพ และที่ล้มเหลวจนมีหนี้สินมากล้นพ้นตัว มีทั้งที่ประยุกต์ใช้วิธีการเกษตรสมัยใหม่ และแบบที่ทำเกษตรแบบดั้งเดิมตามปู่ย่าตายาย เป็นต้น
- การเขียนบทสรุป (Conclusion) ของบทความ ไม่ใช่การลอกเนื้อหาจากบทความทั้งหมดมาเขียนไว้ในบทสรุป แต่จะต้องสรุปให้ได้ว่า 1) ข้อค้นพบใหม่คืออะไร 2) ต้องนำข้อค้นพบนั้นไปสนับสนุนหรือโต้แย้งกับงานของนักวิชาการท่านอื่น และ 3) ประเมินค่าว่าผลงานของเรามีคุณค่าในด้านใด เช่น มีคุณค่าในทางทฤษฎี หรือมีคุณค่าต่อสังคมอย่างไร
- ขอให้พึงระลึกอยู่เสมอว่า “อาจารย์ทุกคนมีความรู้ ความสามารถ มีศักยภาพด้วยกันทั้งนั้น ขอเพียงแค่มีความกล้า เอาชนะความกลัวที่อยู่ภายในใจ การเขียนบทความวิจัยหรือบทความวิชาการนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย”
การเผยแพร่แนวปฏิบัติที่ดีของการเขียนบทความวิจัยและบทความวิชาการของคณะศิลปะศาสตร์
- ลงแนวปฏิบัติที่ดีในเว็บไซต์งานวิจัย คณะศิลปศาสตร์ เพื่อให้ผู้ที่ไม่ได้ร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ดังกล่าว สามารถนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ต่อไปhttp://web.la.ubu.ac.th/gallery/activity.php?g=781